“พรม” คือหนึ่งในสิ่งที่ทำความสะอาดยากมากๆ ภายในบ้าน เป็นสิ่งที่หลายคนมักมองข้าม เพราะความลำบาก และยุ่งยากในการทำความสะอาด โดยเฉพาะพรมที่มีขนปุยๆ หนาๆ หรือราคาแพง จะมีวิธีการดูแลที่ยากมากขึ้นเท่าตัว ใหนจะวิธีซักพรม ที่ซับซ้อน หลายขั้นตอน แล้วยิ่งเป็นพรมที่มีขนาดใหญ่ และหนักมากๆ ยิ่งลำบากมากขึ้นไปอีก พาลทำให้ไม่อยากทำความสะอาด จนทำให้พรมสะสมฝุ่นและไรฝุ่นจำนวนมากเลยทีเดียว
เพื่อแก้ปัญหาเหล่านั้น วันนี้เรามี วิธีซักพรม ด้วยตัวเองง่ายๆ ให้กลับมาสะอาด ปราศจากฝุ่นและไรฝุ่นที่เป็นอันตรายต่อคุณ พร้อมเคล็ดลับที่จะช่วยให้พรมคุณสะอาด และใช้งานได้ยาวนานยิ่งขึ้น หรือสำหรับใครที่ไม่มีเวลาที่จะทำความสะอาดพรมตัวโปรด เรามีบริการซักพรมมาฝากให้คุณด้วย วิธีซักพรมจะยากง่ายแค่ไหน เรามาดูกัน!
พรมปูพื้น ของเเต่งบ้านที่ใครๆ ก็ชอบ
พรมปูพื้น ถ้าตัดปัญหาเรื่องฝุ่นสะสม ถือว่าได้รับความนิยมใช้กันมากในปัจจุบัน เพราะตัวพรมเมื่อนำเอามาปูพื้น จะมีความอ่อนนุ่ม รู้สึกสบาย ให้สัมผัสที่อ่อนนุ่ม หากเป็นพรมที่ออกแบบมาพิเศษ จะสามารถช่วยลดแรงกระแทกได้ด้วย ใครที่ชอบทำของตกบ่อย หรือบ้านไหนมีลูกน้อยเพิ่งหัดเดิน การมีพรมในบ้าน จะช่วยให้ลดความเสี่ยงเหล่านี้ได้เช่นกัน

และอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้พรมได้รับความนิยมมากๆ ก็คือความหลากหลายนั้นเอง ไม่ว่าจะเป็น ลวดลาย ลายเส้น สีสัน หรือไปถึงประเภทที่หลากหลาย ให้ความรู้สึกที่แตกต่างกัน ตามที่คุณต้องการ แต่ด้วยความสะดวกสบายเหล่านี้ ทำให้การดูแลยิ่งลำบากมากขึ้น หากทำผิดวิธี จากพรมขนนุ่มๆ อาจจะกลายเป็นพรมที่หยาบกระด้างจนต้องทิ้งไปในที่สุด
มารู้จักพรมเเต่ละชนิด ก่อนทำความสะอาด
1. พรมปูพื้นไนลอน (Nylon)
ด้วยความหลากหลายของสีสัน และรูปแบบ ทำให้พรมปูพื้นไนลอนได้รับความนิยมใช้กันในปัจจุบัน ด้วยคุณสมบัติที่สามารถกันน้ำได้ ทนต่อรอยขีดข่วน ทนต่อสารเคมี และเชื้อราได้เป็นอย่างดี อีกทั้งราคาที่ไม่แพง ดูแลรักษาง่าย จึงนิยมใช้กันอย่างมากนั้นเอง
2. พรมปูพื้นโพลีโพรไพลีน (Polypropylene)
เป็นพรมที่สามารถป้องกันคราบได้ดีที่สุด ได้รับความนิยมรองลงมาจากพรมแบบไนลอน มีคุณสมบัติในการป้องกันรอยขีดข่วน ป้องกันเชื้อรา ทำความสะอาดง่าย เหมาะกับพื้นที่ที่ต้องรองรับน้ำหนักมากๆ ทนทาน ราคาไม่แพง
3. พรมปูพื้นโพลีเอสเตอร์ (Polyester)
เป็นพรมที่ให้ความรู้สึกนุ่มสบาย มีความหรูหรามากที่สุด และยังกันน้ำได้ดีที่สุด แต่ในเรื่องการป้องกันคราบ อาจจะน้อยกว่าพรมแบบไนลอน ไม่เหมาะใช้รองรับน้ำหนักมากๆ และทำความสะอาดยากกว่า และถ้าหากปล่อยให้โดนแดดนานๆ สีจะซีดลง จึงเหมาะกับนำไปปูในห้องนอน
4. พรมปูพื้นโพลีเอทิลีน (Polyethylene)
พรมชนิดนี้เป็นพรมที่ผลิตมาจากฝาขวดรีไซเคิล เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ทำให้มีสีสันที่สดใส มีหลายสัมผัสให้เลือก และสามารถป้องกันคราบได้ดีกว่าไนลอน แต่ให้สัมผัสที่ไม่ค่อยนุ่ม สบายเท่าไหร่ เพราะทำมาจากพลาสติก ไม่ก่อให้เกิดภูมิแพ้ ราคาต่ำกว่าพรมไนลอน และพรมขนสัตว์
5. พรมปูพื้นขนสัตว์ (Wool)
พรมชนิดนี้ เป็นพรมที่มีราคาสูงมากที่สุด เพราะทำมาจากขนสัตว์แท้ 100% สามารถป้องกันคราบ และรอยเปื้อนได้เป็นอย่างดี ให้สัมผัสที่หนานุ่มที่สุดในบรรดาพรมทั้งหมด มีความทนทาน แข็งแรง และหรูหรา มีความหลายแบบ หลายสีให้เลือก แต่มีข้อเสียคืออาจจะก่อให้เกิดภูมิแพ้ ได้ ดูแลและทำความสะอาดยาก เพราะบางสารเคมีจะทำให้สีซีดลง อีกทั้งเมื่อใช้ไปนานๆ จะมีแมลงมาอาศัยอยู่ตามตามพรม ทำให้ต้องทำความสะอาดบ่อยๆ
6.พรมปูพื้นอะครีลิก (Acrylic)
เป็นพรมที่ถูกออกแบบมาเพื่อทดแทนพรมขนสัตว์ที่มีราคาสูง สามารถกันความชื้น ป้องกันคราบเลอะ คราบสกปรกได้ดี แต่ความแข็งแรง และทนทาน และดูแลได้ง่ายกว่าพรมขนสัตว์มากๆ
ขั้นตอนการซักพรม ด้วยตนเอง

ขั้นตอนและวิธีทําความสะอาดพรมปูพื้นห้อง ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ เพราะน้ำยาบางชนิด จะทำลายเส้นใยของพรมได้ และที่สำคัญ ต้องรู้ก่อนว่าพรมชนิดนี้ต้องซักแห้งเท่านั้น หรือล้างด้วยสบู่และน้ำได้ วันนี้เราเลยมีวิธีการซักพรมมาฝากทุกคนกัน เป็นวิธีง่ายๆ ทำตามกันได้ด้วย 6 ขั้นตอนดังนี้
ขั้นตอนที่ 1 : เช็คพรมก่อนว่า เป็นพรมสีตกหรือไม่ และต้องทำความสะอาดแบบไหน?
ขั้นตอนที่ 2 : จากนั้นให้เรากำจัดฝุ่น ด้วยการใช้เครื่องดูดฝุ่น ดูดเอาฝุ่น และเศษขยะต่างๆ ออกให้หมด
ขั้นตอนที่ 3 : ทำการขจัดคราบด้วย ผลิตภัณฑ์กำจัดคราบที่ตรงกับคราบเปื้อนเหล่านั้น
ขั้นตอนที่ 4: เริ่มทำความสะอาดพรมด้วยสบู่ที่มีค่า Ph ระดับกลาง ถูด้วยมือ หรือแปรงขนอ่อน ให้เบามือที่สุด แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด
ขั้นตอนที่ 5 : เพราะพรมบางชนิด ไม่สามารถนำไปตากแดดได้ ดังนั้นจึงต้องนำไปปั่นแห้ง แล้วนำไปอบแห้งอีกที
ขั้นตอนที่ 6 : เมื่ออบแห้งเสร็จแล้ว ให้เรานำมาแปรง มาแปรงพรมเพื่อให้พรมไม่เกาะตัวกันเป็นก้อน และนุ่มเหมือนใหม่นั้นเอง
ซักพรม ด้วยบริการจากมืออาชีพ
สำหรับบ้านไหนที่ไม่มีเครื่องปั่นแห้ง และเครื่องอบแห้ง หรือถ้ามีแต่กลัวว่าพรมตัวโปรดราคาแพงของคุณจะเกิดปัญหา การใช้บริการจากมืออาชีพ เป็นช่องทางที่ดีที่สุดแล้ว เพราะถ้าหากคุณไม่มีความประณีต หรือปฏิบัติตามขั้นตอนได้อย่างเคร่งครัด อาจเกิดความเสียหายต่อพรมของคุณได้
Icleanbed เรามีบริการซักพรม บริการกำจัดฝุ่นและไรฝุ่น ทั้งที่บ้าน สำนักงาน และโรงแรม เราสามารถทำความสะอาดพรมทุกชนิด ทุกประเภท ด้วยน้ำยาที่ไม่ทิ้งสารตกค้าง และเครื่องมือที่ทันสมัย พร้อมขั้นตอนที่พิถีพิถันจากทีมงานมืออาชีพ สามารถซักพรมเพื่อให้พรมของคุณกลับมาสะอาด เหมือนใหม่ รับประกันความพึงพอใจในบริการ 100%
เคล็ดลับการดูเเลรักษาพรม

- คุณควรหาพรมขนาดเล็กมาวางไว้ที่ประตูบ้าน ประตูห้องน้ำ ไว้เช็ดเท้าก่อนจะเดินเข้าบ้านมาเจอพรมตัวโปรดชิ้นใหญ่ของคุณในบ้าน
- เมื่อเกิดคราบ หรือเศษผง เศษขยะตกลงไป ให้รีบทำความสะอาดทันที อย่าปล่อยทอ้งไว้จนเป็นคราบฝังลึกกำจัดยาก
- มีพรม ก็ต้องมีเครื่องดูดฝุ่นติดบ้านด้วย เพราะเครื่องดูดฝุ่น คือตัวช่วยในการทำความสะอาดพรม แต่ทั้งนี้ก็ควรเลือกเครื่องดูดฝุ่นคุณภาพดี เพื่อป้องกันการเสียหายของพรมได้
- ยิ่งดูดฝุ่นบ่อย ยิ่งดีต่อพรมของคุณมากๆ เพราะทุกครั้งเราเหยียบพรมนั้น แน่นอนว่าต้องมีเศษฝุ่นต่างๆ ตกลงไป และควรดูดฝุ่นอย่างน้อยอาทิตย์ละ 2 ครั้ง
- สำหรับพรมที่มีขนาดใหญ่ มีราคาค่อนข้างแพง และต้องใช้วิธีการทำความสะอาดที่พิธีพิถัน คุณควรใช้บริการซักพรมจากมืออาชีพ ด้วยเครื่องมือที่ทันสมัย ทำความสะอาดได้อย่างล้ำลึกมากขึ้น
สรุป
อย่าปล่อยให้พรมปูพื้นในบ้านคุณ เต็มไปด้วยฝุ่น และไรฝุ่นที่เป็นอันตรายต่อคุณ แต่ก่อนจะทำความสะอาดพรมตัวโปรด คุณก็ควรรู้จักกับพรมแต่ละชนิดด้วย ว่าพรมแบบไหน ต้องใช้วิธีซักพรมแบบไหน? ซึ่งเราก็ได้บอกทุกคนกันแล้ว ในบทความนี้ และเราหวังว่าคำแนะนำและวิธีการซักพรมที่เราได้นำมาฝากทุกคนวันนี้ จะช่วยให้คุณซักพรมได้อย่างสะอาด และถูกวิธี หรือจะเลือกใช้บริการทำความสะอาดจากช่างมืออาชีพ มาช่วยให้พรในบ้านของคุณสะอาดมากยิ่งขึ้น!
เรามาเปรียบเทียบกันว่าความแตกต่างระหว่าง กำจัดไรฝุ่นด้วยตัวเอง กับใช้บริการกำจัดไรฝุ่น
ต่างกันอย่าง ช่วยให้คุณตัดสินใจง่ายขึ้น”